หลุมสิว และปัญหาผิวพรรณอื่น วิธีแก้และรักษาโดย เดอมาโรลเลอร์
โดย ปีเตอร์
ปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 23 พ.ย. 2555.
ปัญหาผิวพรรณต่างๆ : บทความ
เทคนิคการใช้เข็มกับผิวหน้า หรือเดอร์มาโรลเลอร์ที่หลายคนเคยได้ยินนั้นมีมานานหลายปีแล้ว
โดยการใช้เครื่องมือ/อุปกรณ์ต่างๆ หลากหลายแบบ เพื่อทำให้ริ้วรอยลึกและแผลเป็นที่เป็นหลุมนั้นอ่อนนุ่มลงและตื้นขึ้น
Dr.Philippe Simonin ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังได้ตีพิมพ์บทสรุปของเขาใน Baran’s Cosmetic Dematology ในปี 1994
ซึ่งเขาตั้งชื่อวิธีการนี้ว่า Electroridopuncture (ERP) และการแพทย์ในวงกว้างก็ยังไม่ทราบเกี่ยวกับวิธีรักษาแบบนี้มากนัก
ในการศึกษานี้นั้น Dr. Philippe ได้ทดลองกับผู้ป่วยจำนวน 600 คน โดยเขาได้แบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าเหี่ยวย่น และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็นเก่า
เขาได้ทำการรักษาให้กับผู้ป่วยทุกคน คนละ 10 ครั้ง
พบว่าผู้ป่วยในกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวเหี่ยวย่นนั้น
40% ของกลุ่มจะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
22% ดีขึ้นปานกลาง และ 13% ดีขึ้นบ้างเล็กน้อย
โดยดูผลจากการเปรียบเทียบกับการเก็บภาพก่อนรักษา
ในกลุ่มที่มีปัญหารอยแผลเป็นเก่า พบว่า 60% ของกลุ่มดีขึ้นมากหลังการรักษา 5-6 ครั้ง
แผลเป็นที่ได้ผลดีที่สุดคือที่เป็นหลุม
ผู้บุกเบิกในเรื่องการใช้เข็มกับผิวหน้าอีกท่านหนึ่งคือ Dr. Andre Caminrand
ศัลยแพทย์พลาสติกชาวแคนาดา ซึ่งได้พบวิธีนี้จากการสังเกตโครงสร้างผิว
และรอยบุ๋มของแผล จากการรักษาผู้ป่วยที่มาทำศัลยกรรมตกแต่งผิวหน้า
และเคยมีประสบการณ์ในการสักเพื่ออำพรางรอยแผลเป็น
เขาจึงทดลองศัลยกรรมตกแต่งผิวหน้าบริเวณที่เป็นแผลเป็นด้วยการสักโดยไม่ใช้สี
และสังเกตโครงสร้างกับสีผิว เขาได้ตีพิมพ์บทความที่ได้จากบทสรุปของเขาใน
JACPS ในปี 1992 การทำเดอร์มาโรลเลอร์นี้ปลอดภัยต่อทุกสภาพผิวและสีผิว
ไม่มีความเสี่ยงในการเป็นรอยแดง-ดำจากการอักเสบ
(สีผิวที่เข้มขึ้นจากการบาดเจ็บของผิว) เช่นเดียวกับผิวหนังแท้ที่จะไม่เกิดความเสียหายระหว่างการใช้เข็มในขั้นตอนการทำเดอร์มาโรลเลอร์
นี่เป็นประเด็นหลักซึ่งจะมองเห็นความปลอดภัยได้อย่างชัดเจน
เมื่อเปรียบเทียบการใช้เข็มเดอร์มาโรลเลอร์ กับการทำหน้าด้วยวิธีการอื่นๆ
เช่นการทำ laser การลอกหน้าด้วยเคมี และการกรอหน้าด้วยอัญมณี
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนจากการทำเดอร์มาโรลเลอร์นี้รวมถึง :
- ความเสี่ยงในการติดเชื้อน้อย
- ระยะเวลาในการรักษา และการพักฟื้นสั้น
- ค่าใช้จ่ายต่ำ
การจิ้มเข็มลงไปที่ผิวหน้าให้เกิดรูขนาดเล็กเป็นร้อยๆครั้งในแต่ละรูบนผิวนั้น
จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการรักษาแผลตามธรรมชาติ
ช่วยให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ในบริเวณที่รักษาด้วยวิธีนี้
และการรักษาด้วยวิธีนี้อย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่
ที่จะเติมเข้าไปในรอยแผลเป็นบุ๋ม และริ้วรอยลึกได้
ซึ่งกระบวนการเติมคอลลาเจนด้วยวิธีธรรมชาตินี้
จะเกิดขึ้นและให้ผลต่อเนื่องไปประมาณ 12 เดือนหลังจากการรักษา
ผลที่ได้รับก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
บางคนให้ผลถึง 90% ในรายที่เป็นรอยแผลเป็น
แต่ในบางคนก็อาจให้ผลต่ำกว่า 50% อย่างไรก็ดี
ผู้ป่วยทุกรายจะต้องมีพัฒนาการที่ดีขึ้นบ้าง
ปัจจุบันนี้มีลูกกลิ้งเข็มสำหรับใช้ส่วนตัวจำหน่ายอยู่มากมาย
และมีความยาวของเข็มที่แตกต่างกันไปหลากหลายขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลางของเข็ม และจำนวนเข็มบนลูกกลิ้งนั้นเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้ใช้สับสน
ด็อกเตอร์พิคอาร์ตได้ทดลองลูกกลิ้งที่มีความยาว
และเส้นผ่านศูนย์กลางของเข็มแตกต่างกันหลายขนาด
โดยกล่าวว่าจำนวนของเข็มที่อยู่บนลูกกลิ้งนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญน้อยที่สุด
เพราะเวลาที่เรากลิ้งเข็มซ้ำไป-มาก็จะทำให้เกิดจำนวนรูเข็มบนผิวหนังได้มากอยู่แล้ว
เส้นผ่าศูนย์กลางของเข็มนั้นสำคัญที่สุด เพราะเราต้องการทำให้เกิดรูบนผิวหนังโดยไม่ก่อให้เกิดรอยแผลใหม่ขึ้น
จากประสบการณ์ของด็อกเตอร์พิคอาร์ต เส้นผ่านศูนย์กลางของเข็มที่เหมาะที่สุด
ที่จะไม่ทำให้เกิดรอยแผลใหม่บนผิวหนังคือ 0.25 มม.
เข็มที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่านี้ก็ใช้ได้
แต่จะไม่ก่อให้เกิดความกว้างของรูบนผิวหนังที่เพียงพอต่อผลการรักษา
และอาจใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลที่ได้จากการรักษา
ความยาวของเข็มก็เป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ
เป้าหมายของการทำเดอร์มาโรลเลอร์นั้นคือ ต้องการให้เข็มนั้นจิ้มเข้าไปที่ผิวชั้นหนังแท้ที่ชั้นบนสุดของชั้นนี้ ซึ่งเป็นชั้นผิวชั้นที่สอง
ผิวหนังชั้นนี้จะมีส่วนประกอบของ stem cells เป็นจำนวนมาก
ที่สามารถสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ ผิวชั้นหนังกำพร้า (ผิวหนังชั้นนอกสุด)
จะมีความแตกต่างในความลึกของชั้นผิว ตั้งแต่ 0.05mm ที่ผิวเปลือกตา
ไปจนถึง 1.5mm ที่ผิวบริเวณส้นเท้า ผิวชั้นหนังกำพร้าบนใบหน้า
(ที่อื่นนอกเหนือจากเปลือกตา) จะมีความแตกต่างในความลึกของผิวตั้งแต่ 0.3mm ถึง 1mm
จากประสบการณ์ส่วนตัวของด็อกเตอร์กล่าวว่า เข็มที่มีความยาวมากกว่า 2 มม.
มีแนวโน้มที่จะทำให้ผิวฉีกขาดได้
การรักษาผิวหน้าด้วยวิธีการเดอร์มาโรลเลอร์นั้นเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษารอยแผลสิวชนิดที่เป็นหลุม
ซึ่งให้ผลดีเป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีการเลเซอร์
โดยการทำอย่างต่อเนื่อง และทำซ้ำหลายๆครั้ง
เนื่องจากผิวจะมีการจดจำบริเวณที่มีการรักษาไปแล้ว
ด็อกเตอร์พิคอาร์ตแนะนำว่าควรใช้วิธีการรักษานี้ซ้ำทุก 1-2 ปี
และแนะนำให้ผู้ป่วยใช้ลูกกลิ้งเข็มต่อเนื่องที่บ้าน
เพื่อให้การรักษาได้ผลต่อเนื่องยาวนานยิ่งขึ้น
ขอขอบคุณบทความนี้จาก Dr. Loren Pickart
แปลและเรียบเรียงโดย Acnethai.com
สนใจผลิตภัณฑ์เข็มเดอมาโรลเลอร์ (Dermaroller)
ติดต่อ ปีเตอร์ 082-0627270
หรือ www.dermaroom.net
ประกาศอื่นๆในหมวดหมู่เดียวกัน 20 รายการ (แสดงทั้งหมด)
หน้า แสดง - จากทั้งหมด 5256 ประกาศ
|
|
|
899 บาท |
|
|
|
0 บาท |
|
|
|
0 บาท |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
0 บาท |
|
|
|
|
|
|
|
59 บาท |
|
|
|
ไม่ระบุราคา |
|
|
|
190 บาท |
|
|
|
890 บาท |
|
|
|
ไม่ระบุราคา |
|
|
|
ไม่แพงครับ |
|
|
|
ไม่ระบุราคา |
|
|
|
ไม่ระบุราคา |
|
|
|
1,800 บาท |
|
|
|
235 บาท |
|
|
|
7,350 บาท |
|
|
|
2,500 บาท |
|
|
|
2,200 บาท |